ปัจจัยพิจารณาในการเลือกระบบพื้น PU
ทางออกสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการพื้นที่แข็งแรงและมั่นคงด้วยการทำพื้น PU
มองหาพื้นที่มีลักษณะพิเศษในการใช้งาน ทนต่อสภาพแวดล้อมและการกัดกร่อนของอากาศรอบด้าน พื้น PU เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับงานอุตสาหกรรม ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ไม่ว่าจะเป็นสนามเด็กเล่น ลู่วิ่ง ฟุตบาท และสามารถใช้เป็นพื้นเพื่อป้องกันการรั่วซึมบนดาดฟ้าได้อีกด้วย สามารถนำไปทาบนพื้นผิวได้ทุกรูปแบบ ที่สำคัญพื้น PU มีอายุการใช้งานค่อนข้างนานเมื่อเทียบกับพื้นสีทั่วไป แต่หากต้องการใช้งานพื้นประเภทนี้ จะมีปัจจัยอะไรบ้างในการพิจารณาว่าควรใช้งานพื้นประเภทนี้ดีหรือไม่ และนำไปใช้งานกับงานประเภทใดได้บ้าง ลองมาศึกษาเพิ่มเติมกันได้ในบทความนี้
ความต่างของพื้น PU เมื่อเทียบกับพื้น Epoxy ควรเลือกใช้แบบไหนดี?
หลายคน ๆ สับสนระหว่างรูปแบบการใช้งานของพื้น Epoxy และพื้น PU ที่อาจจะดูคล้าย ๆ กัน แต่จริง ๆ แล้วมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก โดยตัวพื้น PU จะมีคุณสมบัติพิเศษที่พื้น Epoxy ไม่สามารถทำได้ก็คือ การอนุญาตให้ของเหลวสามารถไหลผ่านฟิล์มได้โดยไม่มีการขังตัว ทำให้ไม่เกิดการพองตัวของพื้นเหมือนพื้น Epoxy ให้ความสวยงามและเรียบเนียน มีความเงาเหมือน ๆ กัน เพียงแต่ว่าพื้นประเภทนี้จะป้องกันการกัดกร่อนของสภาพแวดล้อมได้ดีกว่า รวมถึงสารเคมีที่ป้องกันเชื้อโรคได้หลายชนิด ทนต่ออุณหภูมิทั้งร้อนและเย็น รวมถึงอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลันได้ดีกว่า
ลักษณะพื้น PU 3 ประเภทและความเหมาะสมในการใช้งาน
พื้น PU สามารถแบ่งออกตามความหนาในการใช้งาน และมีชื่อเรียกในกลุ่มผู้ให้บริการทำพื้นที่แตกต่างกันออกไป หลัก ๆ แล้วสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ซึ่งได้แก่
- พื้น PU แบบ PU-LF หรือแบบบาง
โดยขนาดความหนาของ PU-LF มีความหนาอยู่ที่ 1.5 – 2 มม. ด้วยกัน เนื่องจากความหนาที่เรียกได้ว่าบางกว่าพื้นประเภทอื่น จึงทำให้มีต้นทุนในการทำพื้นประเภทนี้ค่อนข้างต่ำ และไม่เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ ที่ต้องรองรับน้ำหนักปริมาณมากอย่างห้องเก็บของ โกดัง ห้องเครื่อง แต่จะเน้นใช้งานในห้องผลิตยา หรือห้องทดลอง เพราะคุณสมบัติของพื้น PU ก็คือการทนต่อสารเคมีได้หลายประเภทนั่นเอง จึงเหมาะแก่การนำมาใช้งานในห้องทดลอง เพราะพื้นจะไม่ถูกกัดกร่อนได้ง่าย
- พื้น PU แบบ PU-MF หรือแบบปานกลาง
พื้นประเภทนี้จะมีความหนาอยู่ที่ 3 - 4 มม. ทนต่อความหนัก แรงต้าน และการขีดข่วนได้ค่อนข้างดี นิยมใช้งานอุตสาหกรรมผลิตอาหาร ผลิตเครื่องดื่ม เพราะมีความทนทานต่อกรดและด่าง รวมถึงสารเคมีและความชื้นภายในห้องได้เป็นอย่างดี ทำให้ในภัตตาคารหลาย ๆ ที่ เลือกที่จะใช้พื้นประเภทนี้ในการปูในห้องครัวเพื่อทำอาหาร และที่สำคัญยังมีราคาที่ไม่สูงมาก เลือกสีเลือกคุณภาพได้ง่าย
- พื้น PU แบบหนามาก
ความหนาของพื้นประเภทนี้อยู่ระดับ 5 - 10 มม. เลยทีเดียว ถูกนำไปใช้มากที่สุดในงานพื้นโหลดสินค้าที่ต้องรองรับน้ำหนักปริมาณมาก ๆ ให้ไม่แตกหรือมีรอยร้าว จนนำไปสู่อาการสึกหรอที่อาจเกิดขึ้นกับตัวอาคารหรือตึก หากใช้งานในระยะยาวได้ สามารถรองรับน้ำหนักของรถโฟล์คลิฟท์หรือรถบรรทุก ได้มากกว่า 5 ตันขึ้นไป ด้วยความหนาระดับนี้ ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงมาก จึงไม่ทำให้เกิดการผุพังของตัวอาคารหรือพื้นผิวจริงของโครงสร้างอาคารได้ง่าย เพราะฉะนั้นงานพื้น PU ระดับความหนาขนาดนี้ จึงไม่ได้มีประโยชน์เพียงแค่ความสวยงามเท่านั้น แต่ยังตอบโจทย์ด้านการใช้งานแบบ Practical ได้มาก ๆ อีกด้วย
สิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับการทำพื้น PU ข้อดี ข้อเสียมีอะไรบ้าง
ข้อดีของพื้น PU
- ทนทานต่อสารเคมีและแรงกระแทกได้
- ใช้งานได้กับสารเคมีหลายชนิด ไม่เกิดการสึกกร่อน
- ป้องกันฝุ่นและสามารถทำความสะอาดได้ง่าย
- ทนต่ออุณหภูมิที่เย็นจัดและร้อนจัด หรืออากาศที่เปลี่ยนแปลงเฉียบพลันได้ดี
- มีสีสันและคงความสดได้นาน พื้นเงาสวยงาม
ข้อเสียของพื้น PU
- มีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าพื้นประเภทอื่น
- หากมีการเตรียมพื้นผิวได้ไม่ดีพอ อาจจะทำให้เกิดการเด้งหลุดตรงมุมได้
ขั้นตอนและวิธีทำพื้น PU เบื้องต้น
การจะทำพื้น PU ได้นั้น ต้องมีการเตรียมพื้นที่จะทำก่อน ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์ในการเตรียมพื้นและระยะเวลาค่อนข้างมาก อย่างที่บอกว่าหากเตรียมพื้นไม่ดีพอ ตัวพื้นอาจจะมีการเด้งหลุดได้ เพราะฉะนั้น ควรให้ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ พร้อมอุปกรณ์ในการทำงานด้านนี้เป็นผู้จัดการให้จะดีกว่า โดยขั้นตอนการทำพื้นนั้นต้องใช้เครื่อง Polishing Machines ในการขัดผิวคอนกรีตก่อน เสร็จแล้ววัดความชื้น แล้วทำการแก้ไขพื้นที่ทำมุมไม่เสมอกัน หลังจากนั้นทำความสะอาดพื้นให้ดี ก่อนการลง PU Primer ซึ่งต้องใช้เวลาในการรอให้แห้งอย่างน้อยกว่า 6 - 8 ชั่วโมง เมื่อแห้งแล้วก็ทำการตรวจสอบว่าไม่มีรูพรุน หากมีต้องโป๊วให้เสมอกันก่อน เสร็จแล้วจึงจะทำการลงสารผสม แล้วปาดเรียบให้สม่ำเสมอกัน
จากข้อมูลทั้งหมดข้างต้นจะเห็นได้ว่าถึงแม้พื้น PU จะแข็งแรงและทนทานมาก รวมถึงยังสามารถรักษาหรือคงสภาพสีไว้ได้นานที่สุด แต่ก็มาพร้อมกับค่าใช้จ่ายในการทำที่สูงกว่าพื้นประเภทอื่นเช่นกัน ผู้ที่ใช้งานพื้นลักษณะนี้ส่วนใหญ่ จึงมักจะเป็นผู้ประกอบการ โรงงานอุตสาหกรรม หรือห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงงานผลิตมากกว่า โดยพิจารณาจากลักษณะการใช้งาน และหากต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับพื้น PU ราคาอยู่ที่เท่าไหร่สำหรับพื้นที่การใช้งานในขนาดที่คุณต้องการ หรือควรใช้พื้นแบบไหน ลองติดต่อเข้ามาที่ kpi-advance.co.th ทีมงานมืออาชีพผู้มีประสบการณ์มากมายพร้อมให้คำปรึกษาเมื่อคุณต้องการ
หากต้องการใช้บริการหรือศึกษาบริการเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่
Tel : 0958787888 , 0991797999 , 020055551
Line : @epoxy.kpi , kpi788m
Facebook : https://www.facebook.com/KPI.advanceprecision/
Email : kpi.sales01@gmail.com
Website : https://www.kpi-advance.co.th